จัดอันดับ โบรกเกอร์ Foreẋ ที่ดีที่สุด อัพเดท 2568 (2025) – น่าเชื่อถือที่สุด โดยภาพรวมทุกด้าน
เทรดเดอร์ทุกคนต่างพยายามมองหาโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และดีที่สุด เพราะการคัดเลือกโบรกเกอร์นั้น มีบทบาทสำคัญมากต่อการเทรดในตลาด Foreẋ ของคุณ

ตัวอย่าง: หากคุณเจอหุ้นราคาดีและตัดสินใจที่จะสั่งซื้อหรือสั่งขาย แต่เซิร์ฟเวอร์โบรกเกอร์ของคุณกลับประมวลผลได้ช้ามาก ซึ่งกว่าคุณจะทำรายการเสร็จ ราคาหุ้นก็เปลี่ยนไปแล้ว (เราต่างรู้ดีว่าตัวเลขในตลาดหุ้นมีความผันผวนมากแค่ไหน) และนั่นหมายถึงคุณได้สูญเสียโอกาสในการทำกำไรไปเรียบร้อยแล้ว หรือที่แย่กว่านั้นก็คืออาจสูญเสียเงินของคุณด้วย
ตัวอย่างข้างต้นนี้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบโดยตรงของโบรกเกอร์ต่อการเทรดของเรา ดังนั้นเราทุกคนจึงต้องการค้นหาโบรกเกอร์ Foreẋ ที่ดีที่สุด ซึ่งจากประสบการณ์การเทรดที่มีมายาวนานและการได้ลองใช้บริการกับหลายโบรกเกอร์ ทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญร่วมกันจัดอันดับ Top 5 โบรกเกอร์ Foreẋ ในปี 2568 (2025) ขึ้นมา ดังนี้ :
วิธีเลือกโบรกเกอร์ Foreẋ ที่น่าเชื่อถือ
ในการเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ต้องมีความรอบคอบและเลือกอย่างฉลาดด้านล่างเป็นข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยสำคัญที่ควรนำมาพิจารณาก่อนจะเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์
- หน่วยงานกำกับดูแลและใบอนุญาต
คุณกำลังจะฝากเงินกับบริษัททางการเงิน ซึ่งเหมือนกับการฝากเงินในธนาคาร ดังนั้น เพื่อให้มั่นใจว่าเงินของคุณจะมีความปลอดภัย อันดับแรกที่ต้องทำคือหาข้อมูลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ที่คุณจะเลือกโดยพิจารณาหน่วยงานกำกับดูแล(องค์กรรัฐบาลที่กำกับดูแลและตรวจสอบกิจกรรมของบริษัททางการเงิน)
ข้อกำหนดในการปฏิบัติสำหรับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ไม่ได้มีในทุกประเทศ นั้นการเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่อยู่ในประเทศที่มีการตรวจสอบกิจกรรมโดยตัวแทนกำกับดูแลจึงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น ไซปรัส รัสเซีย สหราชอาณาจักร ยุโรป สวิสเซอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ส่วนใหญ่ที่มาจากประเทศเหล่านี้จะได้รับการควบคุมโดยสมบูรณ์ แต่ละประเทศจะมีหน่วยงานกำกับดูแล เช่น ในไซปรัสมี “CySEC” หรือในสหราชอาณาจักรมี “FCA”
หากคุณเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุม คุณจะต้องเผชิญกับปัญหามากมาย เนื่องจากโบรกเกอร์ไม่ได้รับการควบคุมโดยองค์กรที่กำกับดูแลและไม่มีข้อผูกมัดทางกฎหมายใด ๆ ทำให้สามารถกระทำการอะไรก็ได้ (ยกตัวอย่างเช่น ไม่ดำเนินการถอนเงินให้คุณ ย้ายเซิร์ฟเวอร์หรือเปลี่ยนแปลงกราฟซื้อขาย และกิจกรรมที่คล้ายกัน) โบรกเกอร์ที่ไม่มีหน่วยงานกำกับดูแลจะทำให้คุณไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายจากการฉ้อโกง และไม่สามารถร้องเรียนหรือตั้งข้อพิพาทอย่างเป็นทางการได้ ดังนั้น จงฉลาดเลือก และเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ได้รับการควบคุมเท่านั้น
- ค่าคอมมิชชั่นและสเปรด
Foreẋ Brokers จะทำเงินจากสเปรดและค่าคอมมิชชั่น เมื่อคุณซื้อขายคู่สกุลเงินจะมีราคา “Bid” (ซื้อ) และราคา “Ask” (ขาย) ความแตกต่างระหว่างสองอย่างนี้เรียกว่าสเปรด นั่นคือสิ่งที่คุณจ่ายให้กับโบรกเกอร์เพื่อเปิดการซื้อขาย ยิ่งสเปรดกว้าง (มาก) คุณก็จะยิ่งทำกำไรได้ยาก ในการเลือกโบรกเกอร์ Foreẋ คุณจึงควรพิจารณาสเปรดของตราสารทางการเงินที่สนใจ (คู่สกุลเงิน โลหะ หรือ CFD) การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดน้อยที่สุดจะทำให้คุณจ่ายเงินแก่โบรกเกอร์น้อยลงและสร้างผลกำไรของคุณได้มากขึ้น
โดยปกติในบัญชี Micro หรือ Standard จะมีสเปรดแบบคงที่ ส่วนการซื้อขายบนบัญชี ECN สเปรดจะแคบและลอยตัว ซึ่งอาจต่ำมากจนถึงศูนย์ ในประเภทบัญชีดังกล่าว โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์จะคิดค่าคอมมิชชั่น โปรดระวังจำนวนค่าคอมมิชชั่นที่โบรกเกอร์จะเรียกเก็บในบัญชี ECN และเลือกสเปรดที่ต่ำที่สุดหรือประมาณการดูว่าคุ้มกับเงินลงทุนหรือไม่
- ความง่ายในการฝากเงินและถอนเงิน
Foreẋ Brokers จะมีวิธีการฝากเงินและการถอนเงินออกจากบัญชีแตกต่างกัน โดยทั่วไปโบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะอนุญาตให้เจ้าของบัญชีสามารถฝากเงินทางออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตหรือการโอนผ่านธนาคาร ปัจจุบันระบบโอนเงินมีความสะดวกมากขึ้น ซึ่งสามารถทำธุรกรรมทางออนไลน์ได้ ยกตัวอย่างเช่น Webmoney, PerfectMony, Neteller และอีกมากมาย ช่องทางเหล่านี้ได้รับการใช้งานกันอย่างกว้างขวางโดยผู้ที่ทำธุรกิจออนไลน์และยังมีผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนในพื้นที่หลายแห่ง โดยปกติการฝากเงินไปยังบัญชีฟอเร็กซ์ด้วยการชำระเงินทางออนไลน์จะเป็นแบบอัตโนมัติและสามารถถอนเงินได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งแตกต่างจากวิธีแบบเดิม ๆ
การโอนเงินเป็นสกุลเงินของประเทศคุณเองทำได้อย่างสะดวก สำหรับประเทศไทย คุณสามารถเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ยอมรับเงินบาท ซึ่งร่วมมือกับธนาคารขนาดใหญ่ เช่น กสิกร ไทยพาณิชย์ และธนาคารอื่น ๆ คุณสามารถฝากเงินไปยังบัญชีฟอเร็กซ์ได้โดยตรงจากบัญชีธนาคารไทย (บนเว็บไซต์ของโบรกเกอร์) และถอนกำไรเข้าบัญชีไทยได้โดยตรง การฝากเงินออนไลน์ผ่านธนาคารไทยทำได้อัตโนมัติและการถอนเงินมีความรวดเร็ว ซึ่งได้รับการดำเนินการโดยผู้จัดการของบริษัทในประเทศไทย
- บริการลูกค้า
การช่วยเหลือลูกค้าของ Foreẋ Brokers ควรให้บริการได้ทุกเมื่อ เนื่องจากการซื้อขายฟอเร็กซ์จะดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน ผู้เทรดอาจต้องการความช่วยเหลือเวลาใดก็ได้! ดังนั้น จึงควรเลือกโบรกเกอร์ที่ติดต่อสื่อสารได้ง่ายที่สุดและรวดเร็วที่สุด เช่น การสนทนาออนไลน์กับบุคคลจริง ๆ พยายามตรวจสอบการให้บริการลูกค้าของโบรกเกอร์ ความสามารถในการตอบคำถามอย่างแม่นยำเกี่ยวประเภทของบัญชี สเปรด หน่วยงานกำกับดูแลและรายละเอียดของบริษัท รวมถึงการช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น
เมื่อคำนึงถึงโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ ประสิทธิภาพในการบริการลูกค้าคือสิ่งสำคัญสูงสุด เพราะจะสะท้อนให้เห็นความน่าเชื่อโดยรวมของโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่คุณสามารถพึ่งพาได้ โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ส่วนมากในประเทศไทยจะให้บริการเป็นภาษาไทยผ่านการสนทนาทางออนไลน์ อีเมล ตลอดจนทางโทรศัพท์
- ประเภทบัญชี
Foreẋ Brokers อาจนำเสนอประเภทของบัญชีที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปจะมีบัญชีประเภท Standard, Micro, Mini, ECN ตลอดจน Demo (บัญชีทดลอง)
บัญชีเหล่านี้มีความแตกต่างกันในแง่ของขนาดการซื้อขาย สเปรด ค่าคอมมิชชั่น หรือแม้แต่จำนวนของตราสารทางการเงินที่นำเสนอ บัญชี Micro และ Mini มีขนาดการซื้อขายเล็กที่สุด คุณสามารถซื้อขายได้ในระดับเซ็นต์! เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น บัญชี Standard เหมาะกับผู้เทรดที่มีประสบการณ์มากขึ้น ซึ่งซื้อขายเต็มขนาด/ล็อต โดยปกติสเปรดจะคงที่ทั้งในบัญชี Micro และ Standard โดยไม่มีค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติม ส่วนบัญชี ECN จะเหมาะสำหรับผู้เทรดที่ชอบสเปรดแบบลอยตัวในตลาด ผู้เทรดจะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นสำหรับการซื้อขายแต่ละครั้ง ไม่ว่าสเปรดจะน้อยแค่ไหนก็ตาม คุณสามารถเลือกบัญชีซื้อขายฟอเร็กซ์ที่คุณพึงพอใจ
- แพลตฟอร์มการเทรดที่นำเสนอ
แพลตฟอร์มที่นำเสนอมีหลายรูปแบบ เช่น เดสก์ทอป, บนเว็บ หรือมือถือ นักเทรดสามารถเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับความต้องการในการเทรด แพลตฟอร์มการเทรดที่ใช้งานมากที่สุดในตลาด Foreẋ คือ MetaTrader 4 คุณต้องแน่ใจว่าแพลตฟอร์มการเทรดของคุณจะไม่ดำเนินการล่าช้าหรือใช้งานไม่ได้ระหว่างการเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น หรือมีการประกาศข่าวเศรษฐกิจระดับโลก แพลตฟอร์มการเทรดที่น่าเชื่อถือรับประกันว่าคุณจะไม่พลาดโอกาสการเทรดเนื่องจากข้อผิดพลาดที่ไม่คาดคิด แพลตฟอร์มการเทรดต้องใช้งานง่าย เพื่อทำให้คุณสามารถเทรดหรือปิดคำสั่งได้ภายในไม่กี่วินาที คุณควรมองหาคุณสมบัติที่สำคัญ เช่น การเทรดในคลิกเดียว, การจัดการ Stop-Loss, การกำหนดลิมิต หรือการจัดการคำสั่งประเภทต่างๆ บนแพลตฟอร์มการเทรดที่มั่นคงและน่าเชื่อถือ
หากคุณสนใจการเทรด Foreẋ แต่ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มก่อนเปิดบัญชีเทรดจริงครั้งแรก เพียงแค่ทำตามคู่มือ 5 ขั้นตอนนี้เพื่อศึกษาความรู้เพิ่มเติม
ประเภทของการวิเคราะห์ที่คุณใช้ขึ้นอยู่กับประเภทของการเทรดที่คุณต้องการดำเนินการ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณคือนักเทรดระยะยาวควรใช้การวิเคราะห์พื้นฐาน แต่หากคุณเป็นนักเทรดรายวันที่กำลังมองหาแนวโน้มระยะสั้น แนะนำให้ใช้การวิเคราะห์เชิงเทคนิค เพราะยืดหยุ่นมากและเป็นรูปแบบการวิเคราะห์ที่รวดเร็วกว่า (เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวการเทรด Foreẋ แบบ Scalping)
ความน่าเชื่อถือ
เรากำลังพูดถึงความปลอดภัยและความมั่นคง โบรกเกอร์นั้นๆ สามารถเก็บเงินทุนของคุณอย่างปลอดภัยได้หรือไม่? สามารถเชื่อถือได้หรือเปล่า? หากพวกเขาเป็นโบรกเกอร์มิจฉาชีพล่ะ? เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าโบรกเกอร์นั้นๆ เชื่อถือได้หรือไม่? คำตอบก็คือกฎเกณฑ์หรือ Regulation นั่นเอง กฎเกณฑ์ เป็นเหมือนกับใบรับรองที่องค์กรซึ่งได้รับความน่าเชื่อถือและมีชื่อเสียงออกให้กับโบรกเกอร์ ในกรณีที่โบรกเกอร์ผ่านมาตรฐานทั้งหมดตามกำหนด มัน แสดงถึงคุณภาพ ความสามารถ และชื่อเสียงของโบรกเกอร์ เมื่อโบรกเกอร์ได้รับการรับรองจากองค์กรเหล่านั้น เราสามารถเชื่อใจได้อย่างเต็มที่ โบรกเกอร์ ทั้ง 5 รายที่ผมได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ มีมาตรฐานและการรับรองที่ได้รับความไว้วางใจ ผมจึงไม่สามารถระบุได้ว่าใครดีที่สุด
→ สำรวจ Exness และกฎเกณฑ์ของพวกเขา.
→ สำรวจ IC Markets และกฎเกณฑ์ของพวก เขา.
อย่างไรก็ตาม เราควรจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์ของมีกฎเกณฑ์อย่างไรบ้าง เนื่องจากการควบคุมจากองค์กรต่าง ๆ เหล่านั้น สามารถใช้ได้ เพียงในประเทศเดียวกันเท่านั้น ตัวอย่างเช่น กฎเกณฑ์ของ US ไม่สามารถคุ้มครองเทรดเดอร์จากแอฟริกาใต้หรือประเทศไทยได้ กฎเกณฑ์จะมีความ หมายเพียงแค่เพื่อบอกว่าโบรกเกอร์นั้น มีความน่าเชื่อถือและสามารถไว้ใจได้ ปัจจัยอื่น ๆ ที่สามารถรับประกันความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ ก็คือปริมาณ การเทรด หากปริมาณการเทรดของโบรกเกอร์นั้นสูง หมายความว่ามีผู้คนจำนวนมากเทรดกับโบรกเกอร์รายนั้น ซึ่งเราสามารถตรวจสอบปริมาณการเทรดใน แต่ละเดือนของโบรกเกอร์ ทั้ง 5 รายของผมได้ดังนี้
- Exness : $395 พันล้าน → เรียนรู้เพิ่มเติม
- XM : $300 พันล้าน → เรียนรู้เพิ่มเติม
- IC Markets: $280 พันล้าน → เรียนรู้เพิ่มเติม
- FXTM : $108 พันล้าน → เรียนรู้เพิ่ม เติม
อีกหนึ่งสิ่งก็คือ โบรกเกอร์นั้นมีชื่อเสียงมากเพียงใด หากโบรกเกอร์นั้นมีชื่อเสียงมากๆ หมายความว่า โบรกเกอร์นั้นๆมีความมั่งคั่งและเป็นรายใหญ่ ซึ่งทำให้พวกเขายิ่งเชื่อถือได้ ผมได้รับผลลัพธ์เหล่านี้จาก Google Keyword Planner เกี่ยวกับโบรกเกอร์ Foreẋ ที่ดีที่สุดความนิยมที่สุด
- XM ได้รับการค้นหา 40,000 ครั้งต่อเดือน → รายละเอียดเพิ่มเติม.
- Exness ได้รับการค้นหาประมาณ 36,000 ครั้งต่อเดือน → รายละเอียดเพิ่มเติม.
ท้ายที่สุดแล้ว คุณควรทราบสิ่งต่าง ๆ ในอดีตเกี่ยวกับโบรกเกอร์นั้นๆ ตัวอย่างเช่น พวกเขาตอบสนองต่อเหตุการณ์เฉพาะต่าง ๆ หรือวิกฤตการณ์ที่ ผ่านมาอย่างไร พวกเขาเคยถูกกล่าวหาเรื่องการหลอกลวงหรือไม่ หรือคุณควรตรวจสอบความโปร่งใสของโบรกเกอร์ และเมื่อพูดถึงเรื่องของความโปร่งใส ผมคิดว่าไม่มีโบรกเกอร์รายใดสามารถชนะ Exness ได้ เพราะว่า Exness ได้อัพโหลดรายงานทางการเงิน
- ทั้งหมดขึ้นบนเว็บไซต์ตนเอง → ตรวจสอบที่นี่
ค่าใช้จ่ายในการเทรด
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำเงินจากการเทรด Foreẋ ซึ่งพวกเราต่างก็เห็นตรงกันในเรื่องนี้ ดังนั้น เราจึงควรหาโบรกเกอร์ที่เราต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเท รดน้อยที่สุด ค่าใช้จ่ายในการเทรดคือราคาทั้งหมดที่เราจะต้องจ่ายในการเทรดทุกๆครั้ง โดยคำนวณจากสองปัจจัยหลัก คือ สเปรดและคอมมิชชั่น และ ปัจจัยอื่น ๆ ขั้นแรก เราจะเปรียบเทียบสเปรดของ 5 โบรกเกอร์ที่ผมได้กล่าวถึงเมื่อข้างต้น ผมสามารถบอกได้เลยว่า สเปรดของโบรกเกอร์เหล่านี้นั้น จัดว่า ดีที่สุดในตลาดฟอเร็กซ์ ผมจะแสดงสเปรดของคู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด EURUSD สำหรับคู่สกุลเงินเพิ่มเติม คลิกที่ปุ่มด้านข้าง โบรกเกอร์ Foreẋ ที่ดีที่สุด 2020
- Exness : 0.7 pip → สำรวจ Exness สเปรดสกุลเงินอื่น
- XM : 0.8 pip → สำรวจสเปรดสกุลเงินอื่น XM
- IC Markets : 1.1 pip → สำรวจ IC Markets สเปรดสกุลเงินอื่น
- FXTM : 1.7 pip → สำรวจสเปรดสกุลเงินอื่น FXTM
ดังนั้น คุณจะเห็นว่า Exness, XM, IC Markets จัดเป็นหนึ่งใน โบรกเกอร์ที่สเปรดต่ำที่สุด
ต่อมา เราจะมาเปรียบเทียบค่าคอมมิชชั่น ซึ่งพบว่าไม่มีการคิดค่าคอมมิชชั่นสำหรับบัญชีปกติที่เปิดให้บริการ แต่สำหรับบัญชี ECN อัตราค่า คอมมิชชั่นของแต่ละโบรกเกอร์นั้นแตกต่างกันออกไป โบรกเกอร์คิดค่าคอมมิชชั่นในบัญชี ECN เพราะว่าสเปรดนั้นแทบจะเป็นศูนย์

ต่อมา เราจะมาเปรียบเทียบค่าคอมมิชชั่น ซึ่งพบว่าไม่มีการคิดค่าคอมมิชชั่นสำหรับบัญชีปกติที่เปิดให้บริการ แต่สำหรับบัญชี ECN อัตราค่า คอมมิชชั่นของแต่ละโบรกเกอร์นั้นแตกต่างกันออกไป โบรกเกอร์คิดค่าคอมมิชชั่นในบัญชี ECN เพราะว่าสเปรดนั้นแทบจะเป็นศูนย์
| Exness ค่าคอมมิชชั่น | $2.5 | รายละเอียดเพิ่มเติม |
| IC Markets ค่า คอมมิชชั่น | $3 | รายละเอียดเพิ่มเติม |
| FXTM ค่า คอมมิชชั่น | $2 | รายละเอียดเพิ่มเติม |
ในจุดนี้ คุณอาจจะคิดว่ามีโบรกเกอร์มากมายที่มีสเปรดต่ำและค่าคอมมิชชั่นต่ำกว่านี้ แล้วทำไมผมถึงเลือก 5 รายนี้ อย่างที่ผมได้พูดไปก่อน หน้านี้ ค่าใช้จ่ายการเทรดที่คุณต้องจ่ายนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ที่หลากหลาย เช่นการคลาดเคลื่อนของราคา การคลาดเคลื่อนของราคา (slippage) หมายถึงความแตกต่างระหว่างราคาที่คาดหวังของการเทรด และราคาที่ใช้ดำเนินการเทรดจริง ความคลาดเคลื่อนของราคาเกิดขึ้นบ่อยในช่วงที่ตลาดมี ความผันผวนสูง ซึ่งก็คือช่วงที่มีการใช้คำสั่งตลาด และช่วงที่มีการดำเนินคำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่ และอาจได้รับความคลาดเคลื่อนของราคาจากตำแหน่ง ราคาที่ได้ทำการส่งคำสั่งไป ดังนั้น เมื่อคุณทำการเลือกโบรกเกอร์ คุณจึงควรให้ความสำคัญกับการคลาดเคลื่อนราคา ซึ่ง Exness และ FBS รับประกันว่า ไม่มีการคลาดเคลื่อนของราคาบนแพลตฟอร์มของพวกเขา XM บอกว่าสามารถเกิดขึ้นได้แต่ยากมาก ผมได้เทรดกับโบรกเกอร์ทั้ง 3 รายนี้ และผมสามารถ บอกได้เลยว่า โบรกเกอร์ทุกรายมีการคลาดเคลื่อนของราคา ซึ่งมันถือเป็นเรื่องปกติในการเทรด Foreẋ สิ่งที่สำคัญก็คือ การคลาดเคลื่อนของราคานั้นมาก น้อยแค่ไหน ต่ำกว่าโบรกเกอร์รายอื่น ๆ หรือไม่ สำหรับผมคิดว่าคลาดเคลื่อนของราคาที่ต่ำกว่า 1.0 pips นั้นถือว่าดีเพียงพอ และ โบรกเกอร์นั้นมีการชดเชยให้กับลูกค้าของพวกเขาอย่างไร ผมคิดว่า Exness และ XM คือโบรกเกอร์ที่สามารถรับมือกับการคลาดเคลื่อนของราคาได้อย่างดี อีกสิ่งหนึ่งที่ผมพบว่าผู้อ่านมักชื่นชอบมากที่สุด ก็คือโบนัสและส่วนลดต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ฟังดูดีในตอนเริ่มต้น แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต่างก็มีสองด้าน หากคุณไม่ ระมัดระวัง โบนัสอาจเป็นเหยื่อล่อของโบรกเกอร์ เพื่อดึงดูดคุณ คุณสามารถเรียนรู้ทุกอย่างที่คุณต้องการเกี่ยวกับโบนัสได้ในบทความนี้
เงื่อนไขในการซื้อขาย
มี 3 ระดับที่เราใช้เพื่อจัดอันดับเทรดเดอร์ ซึ่งก็คือ : มือใหม่, เทรดเดอร์ทั่วไป, และมืออาชีพ ดังนั้น โบรกเกอร์ Foreẋ ที่ดีที่สุด 2563 คือผู้ที่สามารถ ให้บริการประเภทบัญชีที่หลากหลาย สำหรับเทรดเดอร์ทุกรูปแบบ เงื่อนไขของบัญชีจากโบรกเกอร์ทั้ง 5 รายที่ผมเลือกนั้น มีความคล้ายกัน พวกเขามีบัญชี 3 ประเภท สำหรับเทรดเดอร์กลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ : บัญชี Mini/Micro, บัญชีทั่วไป, และบัญชี ECN สำหรับเทรดเดอร์แต่ละประเภทตามลำดับ คุณสามารถ ตรวจสอบบัญชีของโบรกเกอร์แต่ละรายได้ดังนี้

อีกหนึ่งปัจจัยที่คุณควรทราบถึง ก็คือเลเวอเรจของบัญชี เลเวอเรจคือเครื่องมือที่เทรดเดอร์ส่วนมากจากทั่วโลก ต่างชื่นชอบ บ่อยครั้ง โบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาตสัญชาต อังกฤษ, อเมริกา, และญี่ปุ่น มีการให้บริการเลเวอเรจต่ำ เนื่องจากพวกเขาต้องปฏิบัติตามใบ อนุญาตเหล่านั้นจากประเทศดังกล่าว อย่างที่ผมได้พูดถึงก่อนหน้านี้ โบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจำนวนมากนั้น มักจะมีประสิทธิภาพที่น้อยลง ท่ามกลาง โบรกเกอร์นานาชาติที่ได้รับความภาคภูมิใจ โบรกเกอร์ Foreẋ ที่ ดี ที่สุดต่อไปนี้มีเลเวอเรจที่ดีที่สุด :
- Exness : 1:ไม่จำกัด สำหรับบัญชีที่มีจำนวนเงินต่ำกว่า $1000 และได้ทำการเทรดมากกว่า 5 ล็อต สำหรับบัญชีที่มีจำนวนเงินมากกว่า $1000 เลเวอเรจจะอยู่ที่ 1:2000 สำรวจเพิ่มเติม → ที่นี่
- IC Markets : 1:1000. สำรวจเพิ่มเติม → ที่นี่
- XM : 1:888. สำรวจเพิ่มเติม → ที่นี่
- FXTM : 1:1000. สำรวจเพิ่มเติม → ที่นี่
สิ่งที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในการเทรดกับตลาด Foreẋ นั้น ก็คือสกุลเงิน สกุลเงินจะมีการพูดถึงเป็นคู่ ๆ ตัวอย่างเช่น คู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยมสูงสุด EURUSD คือคู่เงินยูโรและ US ดอลล่าร์ จากการจับคู่ดังกล่าว เราจะสามารถจะบอกค่าของเงินยูโรได้โดย เปรียบเทียบกับมูลค่าของ USD ตัวอย่างเช่น ราคาอ้างอิงคือ EURUSD = 1.1346 ซึ่งหมายความว่า คุณต้องจ่ายเงินจำนวน 1.1346 USD เพื่อซื้อ 1 ยูโร โบรกเกอร์แต่ละรายมีราคาอ้างอิงที่แตกต่างกันจากผู้ให้บริการายต่าง ๆ ดังนั้น คุณสามารถเข้าใจได้ว่า ราคาอ้างอิงของพวกเขานั้น ก็จะมีความแตก ต่างเช่นเดียวกัน ในฐานะเทรดเดอร์ พวกเราควรเลือกโบรกเกอร์ที่สามารถให้บริการราคาอ้างอิงได้ดีที่สุด ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกเช่น การ requote ซึ่งคุณ สามารถค้นหาเพิ่มเติมได้ในบทความนี้ ซึ่งโบรกเกอร์ที่ไม่มี requote ที่ดีที่สุด แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากเน้นย้ำ ก็คือแพลตฟอร์ มการเทรดของโบรกเกอร์ ซึ่งในปัจจุบัน MT4 และ MT5 คือสองแพลตฟอร์มการเทรดที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดฟอเร็กซ์ โบรกเกอร์ทุกรายต่างมี สองแพลตฟอร์มการเทรดนี้ แต่อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์มการเทรดของพวกเขานั้น แตกต่างกันในแง่ของความรวดเร็วและคุณภาพในการดำเนินคำสั่งซื้อ ขาย ปัจจัยเหล่านี้สามารถส่งผลต่อการเทรดของคุณได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเห็นข่าว และคาดเดาราคาที่ดีได้ คุณล็อกอินเพื่อป้อนราคานั้น อย่างไรก็ตาม มีเทรดเดอร์คนอื่น ๆ ที่ทำการคาดเดาและล็อกอินเช่นเดียวกัน และเซิร์ฟเวอร์ก็เสถียรพอ คำสั่งซื้อขายของคุณจึงไม่สามารถดำเนินการให้ เสร็จสิ้นได้ ท้ายที่สุดแล้ว คุณจะพลาดโอกาสที่ดีในการทำเงินก้อนโต และนั่นคือเหตุผลที่ว่า คุณจำเป็นต้องทำการทดสอบทุกอย่างก่อนเริ่มต้นการเทรด กับโบรกเกอร์ คุณสามารถฝากเงินจำนวนเล็กน้อยในบัญชีโบรกเกอร์เหล่านี้ (เช่น 10 หรือ 20 ดอลล่าร์) และลองเทรดซัก 1 เดือน นอกจากนั้น ทดลองเท รดในช่วงเวลาที่มีข่าวใหญ่ ๆ เพื่อสำรวจว่าเซิฟเวอร์ของพวกเขาทำงานเป็นอย่างไร และมีการคลาดเคลื่อนของราคามากแค่ไหน หลังจากที่ได้ทดสอบ ด้วยตัวผมเอง ผมสามารถบอกได้ว่ามี 3 โบรกเกอร์ที่มีอัตราการคลาดเคลื่อนของราคาที่ต่ำมาก
→ XM.com
การบริการลูกค้า
การเทรด Foreẋ นั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก โบรกเกอร์ที่ดีนั้นต้องสามารถให้การสนับสนุนลูกค้าของพวกเขาได้ตลอดเวลา และในภาษาต่าง ๆ โบรกเกอร์ส่วนมากนั้น ให้ความช่วยความช่วยเหลือลูกค้าของพวกเขาผ่านทาง Live chat หรืออีเมลล์ อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือ การสนทนาแบบรายบุคคล นั่นหมายความว่า เป็นการดีกว่า หากโบรกเกอร์มีสำนักงานท้องถิ่นในประเทศหรือพื้นที่ของคุณ Exness ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ที่มี ทีมสนับสนุนที่ดีที่สุด โบรกเกอร์รายนี้มีจุดขายที่แข็งแกร่ง ทีมช่วยเหลือ และทีมการตลาด ซึ่งพร้อมให้บริการตลอดเวลา นอกจากนั้น เครือข่าย IB ของ พวกเขาก็มีประสิทธิภาพสูงเช่นกัน ดังนั้น หากคุณมีปัญหาใด ๆ เพียงแค่แชทกับพวกเขาบนเว็บไซต์ และคุณจะได้รับการตอบกลับในทันที อีกทั้ง Exness ยังให้บริการช่วยเหลือลูกค้าของพวกเขาทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ช่องทางติดต่อ 5 โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ดีที่สุด ที่ผมแนะนำมีดังนี้
→ คลิกที่นี่เพื่อสำรวจช่องทางติดต่อและสำนักงานท้องถิ่นของ Exness
→ คลิกที่นี่เพื่อสำรวจช่องทาง ติดต่อและสำนักงานท้องถิ่นของ XM
→ คลิกที่นี่เพื่อสำรวจช่องทางติดต่อและสำนักงานท้องถิ่นของ IC Markets
→ คลิกที่นี่เพื่อสำรวจช่องทางติดต่อและสำนักงานท้องถิ่นของ FXTM
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือระบบการชำระเงิน คุณอาจจะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่สำคัญในตอนแรก แต่เมื่อคุณเริ่มทำการเทรดจริงกับโบรกเกอร์ คุณ จะรู้ว่าเรื่องนี้มีความสำคัญมากๆ โบรกเกอร์ส่วนมากนั้น เป็นโบรกเกอร์ต่างประเทศ ดังนั้นคุณจึงต้องทำการฝากและถอนเงินข้ามประเทศ นั่นคือตอนที่ ธนาคารคิดค่าธรรมเนียมทางธุรกรรมกับคุณ การสร้างเงินจาก Foreẋ นั้น ซึ่งมันก็ยากพออยู่แล้ว ตอนนี้ธนาคารยังจะคิดค่าบริการเพิ่มเติมอีก ซึ่งผมไม่เห็น ด้วย ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณทำการโอนเงินผ่านทางบัตร VISA จะมีการคิดค่าบริการ 3 ถึง 5% ของจำนวนเงินที่คุณโอน โบรกเกอร์ที่ดีที่ จะต้องมีช่องทาง การชำระเงินที่หลากหลาย ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ไม่มีค่าบริการ แต่ต้องมีความสะดวกอีกด้วย นอกจากนั้น ความเร็วก็เป็นเรื่องสำคัญ ผมเคยต้องรอเป็นเวลา หลายวันหรือสัปดาห์ เพื่อถอนเงินกำไรของผมจากโบรกเกอร์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเหนื่อยใจ สำหรับเรื่องนี้ Exness ไม่มีคู่แข่งเลย เนื่องจาก Exness มี ระบบการถอนเงินอัตโนมัติที่ไม่ต้องใช้คนเลย แน่นอนว่า คอมพิวเตอร์ย่อมทำได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อีกทั้ง Exness ยังให้บริการระบบชำระเงิน แบบท้องถิ่นที่มีความสะดวกมากมาย คุณสามารถฝากเงินเพียง $1 จากโทรศัพท์ของคุณ ใช้เวลาเพียง 30 วินาที และไม่มีค่าธรรมเนียมใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่ น่าทึ่งคือ Exness ให้คุณสามารถทำการฝาก/ถอนเงินในวันหยุดสุดสัปดาห์ได้ด้วย นี่คือเหตุผลที่เทรดเดอร์ส่วนมากชื่นชอบ Exness และ FBS คืออันดับ ที่สองในด้านของระบบชำระเงิน พวกเขาก็มีระบบที่ดีและรวดเร็วเช่นเดียวกัน นี่คือการจัดอันดับของผม
→ ศึกษาเพิ่มเติม เกี่ยวกับระบบชำระเงินของ Exness
→ ศึกษาเพิ่มเติม เกี่ยวกับระบบชำระเงินของ XM
→ ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยว กับระบบชำระเงินของ IC Markets
→ ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยว กับระบบชำระเงินของ FXTM
บทสรุป
ท้ายที่สุดแล้ว ผมคิดว่านี่คือการจัดอันดับโบรกเกอร์ที่ดีที่สุด 5 อันดับที่ของผม
| ⏩ www.exness.com : คะแนนรวม 9.6/10 | → เปิดบัญชีตอนนี้ |
| ⏩ www.xm.com : คะแนนรวม 9.5/10 | → เปิดบัญชีตอนนี้ |
| ⏩ www.icmarkets.com : คะแนนรวม 9.0/10 | → เปิดบัญชีตอนนี้ |
| ⏩ www.fxtm.com : คะแนนรวม 8.5/10 | → เปิดบัญชีตอนนี้ |
| ⏩ www.fbs.com : คะแนนรวม 8.0/10 | → เปิดบัญชีตอนนี้ |
การพิจารณาอันดับโบรกเกอร์ Foreẋ
โบรกเกอร์ Foreẋ ที่ดี ต้องมีองค์ประกอบ ดังต่อไปนี้
การจดทะเบียน
หน่วยงานกำกับดูแลชั้นนำของโลก
• FCA – Financial Conduct Authority
• CySEC – Cyprus Securities and Exchange Commission
• ASIC – Australian Securities and Investments Commission
• IFSC – International Financial Services Commission
ระยะเวลาการดำเนินธุรกิจ
เพราะโบรกเกอร์ที่เป็นข่าวในเรื่องการปิดหนีส่วนมากล้วนเป็นโบรกเกอร์ที่พึ่งเปิดให้บริการมาไม่นาน ไม่มีความจริงจังในการดำเนินธุรกิจ จ้องที่จะหลอกลวงลูกค้า
นโยบายการป้องกันความเสี่ยง
สถานที่ตั้ง
– ต่างกับโบรกเกอร์ที่ก่อตั้งในประเทศที่คนส่วนใหญ่รู้จัก เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย เป็นต้น ซึ่งจะความน่าเชื่อถือสูงกว่ามาก เพราะด้วยกฏหมายที่เข้มงวดกว่ามาก ต้องอาศัยการบริหารการจัดการที่ดี มีการควบคุมความเสี่ยงที่เหมาะสม ถึงจะเปิดโบรกได้
– ตรงกันข้ามกับประเทศตามหมู่เกาะเล็กๆ ที่มีความง่ายต่อการเปิดโบรกกว่าเยอะ การตรวจสอบค่อนข้างหละหลวม เพียงแค่มีเงินถึงก็เปิดโบรกได้แล้ว
การฝากถอน
– ความสะดวก (จำนวนธนาคารในประเทศไทยที่รองรับการฝากถอน) | ควรรับรองการฝากถอนผ่านธนาคารในประเทศหลากหลายธนาคาร และมีช่องทางการฝากถอนที่หลากหลาย เช่น Internet Banking, QR Code เป็นต้น
– ความรวดเร็ว (ระยะเวลาในการฝากถอน) : โบรกเกอร์ควรมีความรวดเร็วในการฝากถอน เพื่อให้เทรดเดอร์มีความคล่องตัวในการบริหารเงิน
– เรทในการฝากถอน *** สำคัญมาก *** : บางโบรกไม่เสียเรทและค่าธรรมเนียมการฝากถอน
– โบรกดี : ฝากไป 3,000 บาท ถอนได้ 3,000 บาท
โบรกไม่ดี : ฝากไป 3,000 บาท ถอนได้ 2,800 บาท … คิดเป็นต้นทุนถึง 6% นั่นหมายความว่า ยังไม่ต้องเทรด เราก็ขาดทุนไปแล้ว 6%
Spread
– จริงๆแล้ว Spread ถือเป็นรายได้หลักของโบรกเกอร์ แต่อย่างไรก็ดีในการทำธุรกิจ โบรกเกอร์ควรคำนึงถึงฝั่งเทรดเดอร์ด้วย โบรกเกอร์ที่ดีควรมี Spread ที่ต่ำ ไม่เอาเปรียบเทรดเดอร์ หากโบรกไหนที่มีค่า Spread ที่สูง แปลว่าโบรกนั้นกำลังเอาเปรียบเทรดเดอร์อยู่
Platform การเทรด
– โดยปกติทั่วไปก็ต้องมี MT4/MT5 เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ส่วนโบรกเกอร์ที่จะแตกต่างขึ้นไปคือ มีให้บริการเทรดบนเว็บไซต์ (Webtrader) มีระบบ CopyTrade ให้บริการ VPS ไว้รัน EA ฟรีๆ หรือบางมีให้บริการเครื่องมือการช่วยเขียน EA เลย





